|
|
อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นทุกข์ที่พระองค์ท่านกล่าวไว้ว่า " โดยสรุป อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ " จึงหมายถึง พูดได้โดยสรุปว่า ขันธ์ ๕ ที่ประกอบด้วยอุปาทานนั่นแหละที่ทำให้เกิดและเป็นทุกข์ที่เร่าร้อน ถือว่า เป็นทุกข์จริงๆ หรือเรียกว่าอุปาทานทุกข์ จึงไม่ใช่ทุกข์ธรรมชาติธรรมดาๆ ทุกข์อุปาทานนี้จึงสามารถดับลงไปได้ในทางพระพุทธศาสนา เป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นมาจาก ความยึดมั่นถือมั่นตามกิเลสของตัวตน(อุปาทาน) ที่ครอบงำสัตว์ทั้งปวงไว้ได้, อุปาทานขันธ์มี ๕
๑.รูปูปาทานขันธ์ คือรูปขันธ์ ที่ประกอบด้วยอาสวะ(เครื่องย้อมจิต-กิเลสที่ย้อมจิต เมื่อประสบกับอารมณ์คือรูป) เป็นปัจจัยจึงมีอุปาทาน จึงอยู่ภายใต้อำนาจหรือภายใต้การย้อมจิตของ"อุปาทาน"ความยึดมั่นถือมั่นตามกิเลสตน คือยึดมั่น,ถือมั่น,พึงพอใจในรูปขันธ์ว่าเป็นตัวตนหรือของตน อีกทั้งหมายรวมถึง สิ่งที่ถูกรู้ได้ด้วยอานตนะต่างๆของกายหรือรูปขันธ์ คือ จากตา หู จมูก ลิ้น กาย และทั้งใจ จึงครอบคลุมรวมถึง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อีกทั้ง ธรรมารมณ์ (การกระทำทางใจ เช่น ความคิดนึก, มโนกรรมต่างๆ ฯ.) จึงต่างล้วนจัดเป็นรูปูปาทานขันธ์ได้อีกด้วย
๒.เวทนูปาทานขันธ์ เวทนาที่ประกอบด้วยอาสวะ(กิเลสที่ย้อมจิตเมื่อประสบกับอารมณ์คือเวทนาต่างๆ เช่น สุขเวทนา ทุกขเวทนา ฯ.) เป็นปัจจัยจึงมีอุปาทาน จึงย้อมจิตให้เห็นเป็นไปตามอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นให้เห็นเป็นไปตามกิเลสของตนใน เวทนาต่างๆ เช่น สุขเวทนา คือถูกใจ พอใจ ตามอำนาจกิเลสตน ไม่เห็นเป็นไปตามความเป็นจริง
๓.สัญญูปาทานขันธ์ สัญญาที่ประกอบด้วยอาสวะ(กิเลสที่ย้อมจิต เมื่อประสบกับอารมณ์คือความจำ) เป็นปัจจัยจึงมีอุปาทาน จึงย้อมจิตให้เห็นเป็นไปตามอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นให้เห็นเป็นไปตามกิเลสของตนในสัญญา ความจำได้ หมายรู้ต่างๆ เช่น ยึดมั่นถือมั่นในความเชื่อ ความเข้าใจของตัวตน แบบหัวปักหัวปำ ไม่สนความจริง หรือความถูกผิด
๔.สังขารูปาทานขันธ์ สังขารขันธ์ที่ประกอบด้วยอาสวะ(กิเลสที่ย้อมจิต เมื่อประสบกับอารมณ์คืออาการของจิตต่างๆเช่น โทสะ โลภะ ฯ.) เป็นปัจจัยจึงมีอุปาทาน จึงย้อมจิตให้เห็นเป็นไปตามอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นให้เห็นเป็นไปตามกิเลสของตนตามอารมณ์(อาการต่างๆของจิต)ของตนเป็นสำคัญ เช่น ยึดมั่นถือมั่นในความสงบ ความสุข ความสบายของตน
๕.วิญญาณูปาทานขันธ์ วิญญาณที่ประกอบด้วยอาสวะ(กิเลสที่ย้อมจิต เมื่อประสบกับอารมณ์คือวิญญาณคือรู้ในสิ่งที่กระทบ) เป็นปัจจัยจึงมีอุปาทาน จึงย้อมจิตให้เห็นเป็นไปตามอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นให้เห็นเป็นไปตามกิเลสของตนในวิญญาณ คือรู้แจ้งในสิ่งที่กระทบแต่แอบแฝงเป็นไปตามกิเลส ความเชื่อ ความเข้าใจของตน
ซึ่งอุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ นี้ต่างล้วนไปทำหน้าที่ต่างๆในองค์ธรรม"ชรา" (ปฏิจจสมุปบาท)แทนขันธ์ ๕ โดยปกติทั่วไป และล้วนเป็นอุปาทานขันธ์ขันธ์ ๕ อันเร่าร้อนเผาลนแก่ผู้ที่เข้าไปอาศัย ด้วยเมื่อขันธ์ใดขันธ์หนึ่งเป็นถูกย้อมจิตเป็นอุปาทานขันธ์แล้ว ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้ขันธ์อื่นๆที่เกิดสืบเนื่องต่อไปแปรเป็นอุปาทานขันธ์ไปด้วย ตามหลักอิทัปปัจจยตานั่นเอง ที่กล่าวไว้ว่า " เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี " นั่นเอง
ว่าด้วยขันธ์และอุปาทานขันธ์ ๕
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ขันธ์ ๕ เป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย
รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือ ประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้. นี้เรียกว่า รูปขันธ์.
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือ ประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้. นี้เรียกว่า เวทนาขันธ์
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือ ประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้. นี้เรียกว่า สัญญูาขันธ์
สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือ ประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้. นี้เรียกว่า สังขารขันธ์
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้. นี้เรียกว่า วิญญาณขันธ์.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้เรียกว่า ขันธ์ ๕.
[๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ เป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน. นี้เรียกว่า อุปาทานขันธ์คือรูป (รูปูปาทานขันธ์)
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ เป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน. นี้เรียกว่า อุปาทานขันธ์คือเวทนา (เวทนูปาทานขันธ์)
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ เป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน. นี้เรียกว่า อุปาทานขันธ์คือสัญญา (สัญญูปาทานขันธ์)
สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ เป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน. นี้เรียกว่า อุปาทานขันธ์คือสังขาร (สังขารูปาทานขันธ์)
วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ เป็นไปกับด้วยอาสวะ เป็นปัจจัยแก่อุปาทาน. นี้เรียกว่า. อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ (วิญญูปาทานขันธ์)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้ เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕.