๖๙.ทรงเห็นลู่ทางที่จะช่วยเหลือปวงสัตว์

       ภิกษุ ท.! ครั้งหนึ่ง ที่ตำบลอุรุเวลา ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา,ที่ต้นไทรเป็นที่พักร้อนของเด็ก เลี้ยงแพะ เมื่อเราแรกตรัสรู้ได้ใหม่ๆ, ความปริวิตกแห่งใจได้เกิดขึ้นแก่เรา ขณะเข้าสู่ที่พักกำบังหลีกเร้น อยู่, ว่า "นี่เป็นหนทางเครื่องไปทางเดียว เพื่อความบริสุทธิ์หมดจดของสัตว์ทั้งหลาย, เพื่อก้าวล่วงเสีย ซึ่งความโศกและปริเทวะ เพื่อความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุญายธรรม เพื่อทำ พระนิพพานให้แจ้ง ทางนี้ คือ สติปัฏฐานสี่.

       สี่เหล่าไหนเล่า? คือ ภิกษุเป็นผู้มีธรรมดาตามเห็นกายในกาย, เห็นเวทนาในเวทนา ท., เห็นจิตในจิต, เห็นธรรมในธรรม ท. อยู่, เป็นผู้มีเพียรเผาบาป มี สติสัมปชัญญะ นำอภิชฌาและโทมนัสในโลก ออกได้ : นี้แหละทางทางเดียว" ดังนี้.

       ภิกษุ ท.! ลำดับนั้น สหัมบดีพรหมรู้ปริวิตกในใจของเราจึงอันตรธานจากพรหมโลก มาปรากฎอยู่เฉพาะหน้าเรา รวดเร็วเท่าเวลาที่บุรุษแข็งแรงเหยีดแขนออกแล้วงอเข้า เท่านั้น.

       ครั้งนั้น สหัมบดีพรหมทำผ้าห่มเฉวียงบ่าน้อมอัญชลีเข้ามาหาเรา แล้วกล่าวกะเราว่า

       "อย่างนั้นแล พระผู้มี พระภาค ! อย่างนั้นแล พระสุคต! ฯลฯ นั่นเป็นทางทางเดียว เพื่อความบริสุทธิ์หมดจดของสัตว์ทั้งหลาย,เพื่อก้าวล่วงเสีย ได้ซึ่งความโศกและปริเทวะ ฯลฯ เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง",  แล้วและได้กล่าวคำ(อันผูกเป็นกาพย์) ว่า:-

"พระสุคต ผู้มีธรรมดาเห็นที่สุดคือความสิ้นไปแห่งชาติ ผู้มีพระทัยอนุเคราะห์สัตว์ด้วยความเกื้อกูล ย่อมทรงทราบทางเอก ซึ่งเหล่าพระอรหันต์ได้อาศัยข้ามแล้วในกาลก่อน และกำลังข้ามอยู่ และจักข้าม ซึ่งโอฆะได้", ดังนี้.

๑. บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๔๖-๒๔๘/๘๒๐-๘๒๔. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.

กลับสารบัญ