buddha1-1.gif

พุทธพจน์ และ พระสูตร

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐

 คลิกขวาเมนู

อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

ว่าด้วย เจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ

            แสดงสมถะและวิปัสสนา  เมื่อโยนิโสมนสิการโดยแยบคายก็จะเห็นจุดประสงค์ของการปฏิบัติทั้ง ๒ กล่าวคือ เจริญสมถะเพื่อเจโตวิมุตติ เพื่อการอบรมจิตให้ระงับในกิเลสราคะ  เพื่อยังประโยชน์ กล่าวคือ นำจิตที่ตั้งมั่น เนื่องจากสภาวะไร้นิวรณ์ และราคะ(กามฉันท์ ข้อ ๑ ในนิวรณ์ ๕)มารบกวนจากการสอดส่ายฟุ้งซ่านไปปรุงแต่ง หรือสภาพที่ถูกยึดมั่นไว้ด้วยอุปาทาน  จึงเป็นปัจจัยเครื่องสนับสนุนปัญญาในการคิดพิจารณาธรรมให้เห็นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง กล่าวคือ พึงยังให้เกิดปัญญาวิมุตติขึ้นนั่นเอง จึงเป็นปัจจัยให้ละอวิชชาเป็นที่สุด.

             [๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างเป็นไปในส่วนแห่งวิชชา

ธรรม ๒ อย่างเป็นไฉน คือ สมถะ ๑  วิปัสสนา ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย  สมถะ ที่ภิกษุเจริญแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร  ย่อมอบรมจิต

จิตที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร ย่อมละราคะได้

วิปัสสนา ที่อบรมแล้วย่อมเสวย ประโยชน์อะไร  ย่อมอบรมปัญญา

ปัญญา ที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร ย่อมละอวิชชาได้

             [๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่เศร้าหมองด้วยราคะ ย่อมไม่หลุดพ้น

หรือปัญญาที่เศร้าหมองด้วยอวิชชา ย่อมไม่เจริญด้วยประการฉะนี้แล

ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เพราะสำรอกราคะได้ จึงชื่อว่าเจโตวิมุตติ

เพราะสำรอกอวิชชาได้ จึงชื่อว่าปัญญาวิมุตติ

จบพาลวรรคที่ ๓

 

กลับหน้าเดิม

กลับสารบัญ