ปฏิจจสมุปบาท

 

ปฏิจจสมุปบาท ฝ่ายนิโรธวาร ๒

คลิกขวาเมนู

๒. วิจิกิจฉาที่มักเกิดขึ้นในฝ่ายนิโรธวาร

         เมื่อกระทำโยนิโสมนสิการปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวารโดยละเอียด  ก็ย่อมต้องเกิดวิจิกิจฉา มีปัญหาหรือข้อสงสัยต่างๆนาๆขึ้นเป็นธรรมดา  ก็ให้พิจารณาด้วยปัญญาอย่างมีเหตุหาผล  อย่าเป็นไปในทางน้อมเชื่อด้วยอธิโมกข์ อันมักจะพาให้ออกนอกลู่ผิดทาง  วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นเหล่านั้นในขณะพิจารณาด้วยการโยนิโสมนสิการ  อาจเป็นไปดังนี้ในแต่ละองค์ธรรม เช่น

         อวิชชา เป็นเหตุปัจจัยอันสําคัญยิ่ง  ดับโดยตรงได้ไหมหนอ?

         สังขาร เป็นเหตุสําคัญ  เป็นการกระทำ  อันเกิดขึ้นจากสัญญา(ความจํา)หรือธรรมารมณ์ที่สั่งสมภายในใจเราเอง(อาสวะกิเลส)จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสิ่งปรุงแต่ง(สังขาร)ขึ้น    สังขารเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากอาสวะกิเลสที่ เจตนาขึ้นมา๑   หรือเกิดแต่การกระตุ้นเร้าของการผัสสะจึงเกิดขึ้น๑   หรือหรือจากอาสวะกิเลสที่ผุดขึ้นมาได้เอง๑ อันดุจดั่งฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาเองจากการหมักหมมของโคลนตมที่ก้นบึงของท้องธาร อันเป็นสภาวธรรม(ธรรมชาติ)ของชีวิตอย่างหนึ่งอันจำเป็นอย่างยิ่งเช่นกันในการดำรงชีวิต   อันได้มาจากการที่ได้สั่งสม จดจำ อบรม ประพฤติ ปฏิบัติไว้แล้วแต่เก่าก่อน หรือประสบการณ์แต่อดีต(อาสวะกิเลส)  หรือจะเรียกสังขารกิเลส เพราะเกิดขึ้นมาแต่กิเลสที่นอนเนื่องในอาสวะกิเลสนั่นเอง  หรือจัดว่าเป็นสังขารวิบากก็ได้ กล่าวคือเป็นผลที่ได้รับจากสังขารที่กระทำหรือประพฤติปฏิบัติไว้นั่นเอง   สังขารเหล่านี้จึงทำงานได้แบบอัติโนมัติ   และล้วนแอบแฝงนอนเนื่องด้วยกิเลสอันเกิดมาจากอาสวะกิเลส   ดับได้ไหมหนอ?    จําเป็นยังต้องมี ยังต้องเกิดอยู่ไหมหนอ?    การดับ ดับคือเยี่ยงไรจึงเป็นการถูกต้องหนอ?

สังขารอันปรุงแต่งขึ้น จากการหมักหมมหรืออาสวะกิเลสที่ผุดขึ้นมาเองนี้  ปุถุชนจักไม่รู้,ไม่เข้าใจว่าเป็นกระบวนธรรมของจิต มิได้เกิดแต่เจตนาของตัวตนโดยตรงก็ได้  ปุถุชนมักเข้าใจผิดว่า อดใจไปคิดไม่ได้, ห้ามไม่อยู่, จิตไม่ดีบ้าง ฯลฯ. จึงไปพยายามหยุดคิด หยุดนึก อย่างผิดๆ เช่น การเก็บกดข่มไว้  เพราะตามความเป็นจริงแล้วเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนธรรม(ธรรมชาติ)อันยิ่งใหญ่ของชีวิตในการดำรงชีวิตจึงต้องมีการจดจำได้(สัญญา)  จึงมิสามารถหยุดได้โดยตรงๆ ดื้อๆ อย่างที่เข้าใจ  ในการปฏิบัติจึงเน้นให้เพียงมีสติรู้เท่าทันในจิตสังขารที่เกิดขึ้นเสียก่อน

         วิญญาณ  วิญญาณคืออะไรกันแน่หนอ?   ใช่หมายถึงเจตภูติ หรือวิญญาณที่ลอยละล่องหรือปฏิสนธิวิญญาณไหมหนอ?   ดับได้ไหมหนอ?

         นาม-รูป  นาม-รูปมันมีอยู่แล้วนี่หนอ?  แล้วมาเกิดมาดับอะไรกันอีกหนอ?  แล้วเกิด-ดับหมายถึงอะไรกันแน่หนอ?  เกิดคืออย่างไรหนอ?  ดับคืออย่างไรหนอ?  แล้วดับได้ไหมหนอ?

         สฬายตนะ อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ  เป็นเหตุสําคัญอันยังให้เกิดอาการ "กิเลสตัณหาปรุงจิต" กล่าวคือทุกข์นั้นเกิดจากการที่สฬายตนะหรือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไปกระทบสัมผัสกับอายตนะภายนอก  แล้วปรุงแต่งตัณหาขึ้น

         และที่ ใจ หรือ จิต นอกจากตัวมันเองเป็นเหตุแล้ว  ก็เกิดมาแต่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นแหละก็เป็นเหตุปัจจัยที่ไปกระทบกับเหตุปัจจัยภายนอก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่างๆ  ตลอดจนสังขาร ก็ส่งผลมาผัสสะที่ใจเป็นที่สุด  ดังนั้นใจหรือมโนทวารจึงเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่เป็นแหล่งรับข้อมูลจากทวารทั้ง๖ หรือทุกทิศทาง

         สฬายตนะตอนเกิดมา ก็ติดตัวมาแล้วนี่หนอ?  ดังนั้นเกิดจึงหมายถึงอะไรหนอ?  แล้วดับได้โดยไหมหนอ?  ดับโดยวิธีใดหนอ?

         ผัสสะ การกระทบสัมผัสอันเป็นไปตามสภาวธรรม(ธรรมชาติ)ใช่ไหมหนอ?   เป็นสภาวธรรมปกติที่เป็นตามธรรมชาติจริงหรือ?  จึงควรสำรวม ระวัง และมีสติใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ใช่ไหมหนอ?

         ตาของคนมีชีวิต  กระทบกับ  รูป  เกิดวิญญาณ  เป็นผัสสะใช่ไหมหนอ?

         ตาของคนตาย  กระทบกับรูป  เกิดวิญญาณได้ไหมหนอ?   แล้วจักเกิดผัสสะไหมหนอ?

         เวทนา  เพราะความไม่รู้ไม่เข้าใจสภาวธรรม(ธรรมชาติ)ของเวทนา จึงแยกแยะเวทนาไม่ออก  จึงก่อทุกข์จริงๆหรืออุปาทานทุกข์ขึ้นใช่ไหมหนอ?  ดับได้ไหมหนอ?  ดับหมายถึงอย่างไรหนอ?  ทําเยี่ยงไรเวทนาจึงหมดจดหนอ?  

         ตัณหา ความทะยานอยาก อันเป็นมูลเหตุปัจจัยโดยตรงจึงมีอุปาทานอันยังให้เกิดทุกข์ ถือเป็นสมุทัย เหตุแห่งทุกข์ตามหลักอริยสัจ เป็นเหตุปัจจัยใหญ่ในการเกิดอุปาทานอันเป็นทุกข์ จริงไหมหนอ?   ดับได้ไหมหนอ?   เป็นสิ่งจําเป็นในการดำรงชีวิตหรือขันธ์๕ไหมหนอ?

         อุปาทาน เป็นปัจจัยที่ทําให้เกิดทุกข์จริงไหมหนอ?  ดับอุปาทานตรงๆได้ไหมหนอ?

         ภพ ภพคืออะไรกันแน่หนอ?   ดับได้ไหมหนอ?   หรือพระพุทธประสงค์ทรงสอนให้ดับภพในชาตินี้ ?  หรือภพในชาติหน้าหนอ?

        ชาติ  การเกิดก็เกิดมาแล้วนี่หนอ?  แล้วหมายถึงเกิดอะไรหนอ?   แล้วดับได้ไหมหนอ?   หรือพระพุทธองค์สอนให้ดับชาติในภพชาติหน้าหนอ?  แล้วจะได้เกิดมาเป็นคนในพุทธศาสนาให้ดับได้ตามประสงค์ไหมหนอ?

          ชรา-มรณะ และอาสวะกิเลส  ในมุมมองปฏิจจสมุปบาทนั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า องค์ธรรมชรา-มรณะและอาสวะกิเลสเป็นสมุทัย เหตุแห่งทุกข์ อันทําให้จิตหมอง  จิตขุ่นมัวเศร้าหมอง   เป็นสมุทัยได้อย่างไรหนอ?  แล้วสมุทัยในอริยสัจเล่าหนอ?  ไม่ขัดแย้งกันหรือหนอ?  ดับได้ไหมหนอ?  ไม่จดไม่จำอาสวะกิเลสได้ไหมหนอ?

วิจิกิจฉาต่างๆเหล่านี้  ล้วนเป็นข้อกังวลสงสัยที่แอบแฝงนอนเนื่องอยู่ในจิต

หน้าต่อไป  

กลับสารบัญหน้า ปฏิจจสมุปบาท